วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับเจ้าตัวน้อย









สุนัข กับ แมวหลงทาง แล้วหาทางกลับบ้านได้อย่างไร

       นิยายเรื่องสุนัขและแมวที่หลงหาทางกลับบ้านเองได้ทั้งที่อยู่ห่างไกลเป็นพันกิโลเมตร คิดว่าท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย เรามักตั้งคำถามว่าสัตว์เหล่านนี้ทำได้อย่างไร แล้วมันทำได้จริงหรือ ถึงแม้นิยายเรื่องการหาทางกลับบ้านของสัตว์เหล่านี้จะถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ความสำเร็จของมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด สัตว์บางตัวอาจจะโชคดีที่ไปถูกทางที่จะไปบ้าน เพราะทิศที่จะเดินทางกลับบ้านมีแค่ 4 ทิศ คือ เหนือ, ไต้, ตะวันออก และตะวันตก ถ้าโชคดีเลือกถูกทางกึงบ้าน และบางทีแมวตัวที่กลับมาบ้านอาจไม่ใช่แมวตัวที่หายไป  จริง ๆ แล้วสุนัขและแมวมีความสามารถในการคิดแผนที่ภายใต้จิตสำนึกของมัน

             นกเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถนำตัวเองไปสู่เป้าหมายที่กำหนดได้ และการศึกษาวิธีการที่นกใช้ในการนำทางกลับบ้าน ก็มีการศึกษามาต่อเนื่องยาวนานหลายปี และคำตอบอยู่ในสมมติฐานข้างล่างนี้ ตรวจสอบภูมิประเทศโดยตรง เรียนรู้ หรือ จดจำ แผนที่ทางภูมิศาสตร์ สำรวจมุมและตำแหน่งของดวงอาทิตย์ (และบางทีอาจเป็นสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์) นำทางโดยอาศัยสนามแม่เหล็กโลก (โดยอาศัยความสามารถพิเศษในการรับรู้คลื่นแม่เหล็กที่อ่อนมาก ๆ โดยอาศัยตัวรับที่ผิวหนังบริเวณจะงอยปาก)
           สุนัขและแมวสามารถหาทางกลับบ้านเองได้หรือไม่ คำตอบคือถ้าที่ห่างไกลนั้นเป็นที่ที่สุนัขและแมวคุ้นเคยอยู่ สัตว์หาทางกลับบ้านเองได้แน่นอน เพราะสุนัขและแมวมักไปเที่ยวไกล ๆ แล้วกลับบ้านเอง แต่ถ้าทิ้งสัตว์ไว้ในที่ ๆ ไม่คุ้นเคยและไกลมาก ๆ มันจะหาทางกลับบ้านเองได้หรือไม่

          มีการศึกษาเรื่องการหาทางกลับบ้านของสัตว์เลี้ยง โดยนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ วัตถุประสงค์ในการศึกษาเพื่อค้นคว้าขบวนการทางจิต ที่อาจซ่อนอยู่ในการหาทางกลับบ้านของสัตว์เลี้ยงเมื่อหลงทางไปในที่ไกล ๆ ผลการศึกษาออกมาว่าสุนัขสามารถหาทางกลับบ้านเองได้ แต่วิธีการที่สุนัขใช้ยังไม่สามารถอธิบายได้ เนื่องจากผลการศึกษาอาจละเว้นข้อเท็จจริงบางอย่างโดยไม่พูดถึงในงานวิจัย เช่น เขารู้ได้อย่างไรว่าสุนัขไม่เคยไปในจุดเริ่มต้นปล่อยสุนัขมาก่อน สุนัขจดจำเส้นทางได้โดยสุนัขไม่ได้ถูกปิดตาหรือจำกัดให้อยู่ในที่ที่ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้หรือเปล่า หรือให้สุนัขจดจำเส้นทางโดยการดมกลิ่นหรือฟังเสียง สุนัขถูกปล่อยให้หาทางกลับโดยปล่อยจากจุดใกล้แล้วค่อยปล่อยไกลออกไปเรื่อย ๆ หรือไม่ ฯลฯ

         การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ทุกสิ่งจะต้องสามารถอธิบายได้และต้องชัดเจน ต้องอธิบายได้ว่าสัตว์จดจำแผนที่ไว้ในสมองได้อย่างไร สันชาติญาณป่าเป็นแรงผลักดันให้สัตว์หาทางกลับบ้านและอาหาร สุนัขที่หลงทางหากหาทางกลับบ้านไม่ได้ก็เท่ากับสุนัขอาจต้องตาย การหาทางกลับบ้านจึงเป็นความท้าทายของสุนัขที่ต้องหาแหล่งอาหารและที่พักเพื่อความอยู่รอด  ยีนที่ควบคุมสันชาติญาณป่าอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมมา
           สุนัขป่ามักหาทางไปยังแหล่งใหม่ ๆ ได้ในอาณาเขตที่มันหากินอยู่ เป็นไปได้ว่าสุนัขอาศัยสิ่งที่สังเกตได้เช่นต้นไม้สูง หรือกลิ่นเป็นเครื่องนำทาง ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในบางครั้ง

สุนัข และ แมวหาทางได้อย่างไร

       - การหาทางอาจเหมือนนกที่อาศัยทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวในการนำทาง เช่น
       - แผนที่ที่อยู่ในสมองสัตว์
       - ความอยู่รอดและการสำรวจอาณาเขตหรือถิ่นที่อยู่
       - ความสามารถในเรื่องการดมกลิ่น
      - การได้ยิน เช่น เสียงน้ำไหล
       - สนามแม่เหล็ก ซึ่งสุนัขอาจมีบางส่วนของสมองที่สามารถรับสนามแม่เหล็กอ่อน ๆ ได้เหมือนนก
       - ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ แตกต่างกับของนกเพราะสุนัขมักเดินทางกลางคืนหรือเวลาที่แสงน้อย

         สี่อย่างแรกได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสุนัขและแมวเลี้ยงมีความสามารถใช้ได้ โดยมันสามารถที่จะไปและกลับได้เองในทางเดิมทางเดียวกับขาไป หรือเป็นทางใหม่คนละทางกับขาไป แต่การที่ถูกทิ้งในระยะทางไกล ๆ สุนัขและแมวสามารถหาทางกลับได้หรือไม่ยังน่าสงสัย เพราะเรายังไม่ทราบว่าสัตว์เลี้ยงสามารถดูตำแหน่งดวงอาทิตย์ และ อาศัยสนามแม่เหล็กเป็นเครื่องนำทางได้เช่นเดียวกับนกหรือไม่ คำตอบนี้ยังไม่สามารถตอบได้
        การจะตอบคำถามได้คงต้องมีการศึกษาที่อธิบายถึงการหาทางกลับบ้านจากที่ไกล ๆ ของสัตว์เลี้ยงแสนรักให้ได้ สัตว์เลี้ยงที่ถูกปล่อยในที่ไม่ไกลนักและในสถานที่ไม่คุ้นเคยเสี่ยงต่อการที่จะหลงทางและตายเป็นอย่างมาก อย่าพยายามทดลองกับสัตว์เลี้ยงของท่านดีกว่าครับ เพราะจากประสบการณ์ของผู้แปลเองก็เคยพบว่าสัตว์เลี้ยง    โดยเฉพาะแมวที่เจ้าของไม่ได้ใส่กรงมาแล้วเกิดหลุดไป ไม่เคยเห็นกลับบ้านได้เอง




ทำไมสุนัขถึงต้องเห่า

       คิดว่าหลายท่านคงมีประสบการณ์เกี่ยวกับการได้ยินเสียงของเจ้าตูบที่ส่งเสียงดัง ๆ ด้วยการเห่ากันมาไม่มากก็น้อย การได้ยินเสียงเห่าของเจ้าตูบนั้นคงไม่มีใครพิศวาส อยากได้ยินสักเท่าไหร่ เพราะมันช่างน่ารำคาญ และน่าหงุดหงิดซะนี่กระไร แล้วทำไมเจ้าตูบถึงต้องเห่า

           การเห่าของสุนัขถือเป็นพฤติกรรมสื่อสารตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากเห่ามากเกินไป ก็เป็นปัญหาได้เหมือนกัน เราจะควบคุมการเห่าของสุนัขได้อย่างไร ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าธรรมชาติขิงสุนัขเห่าเพื่อต้องการสื่อสารอะไร

             Lovely/anxious barking เห่าเมื่อรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว วิตกกังวล เป็นต้นว่า ถูกขัง ถูกบังคับ เสียงจะแหลมขึ้น และบอกได้ถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว เสียงนี้แหละที่จะสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านจนเป็นปัญหากันมานักต่อนักแล้ว

             Bored barkers เห่าเมื่อสุนัขรู้สึกเบื่อ

             Play/ excuenebt bards การเห่าเมื่อต้องการเล่นหรือตื่นเต้น ลักษณะสั้นและเสียงแหลม

             Self-identification barking เห่าเมื่อสุนัขต้องการเห่าตอบเสียงเห่าหอนของสุนัขตัวอื่น ๆ ที่อาจได้ยินจากข้างบ้าน

             Startle barking เกิดขึ้นเมื่อมีเสียงหรือการเคลื่อนไหวอย่างทันทีหรือเสียงจากคนแปบกหน้า คล้าย ๆ กับ alert bark

             Alert /warning barks เป็นการเห่าเพื่อกระตุ้นเจ้าของว่า จะมีภัยอันตรายหรือคนแปลกหน้าเข้ามา ลักษณะการเห่าจะเร็วประหนึ่งว่ามีผู้บุกรุก เสียงขู่คำรามเบา ๆ ในลำคอ อาจสับสนกับการเห่าจากการกลัว

             Attention-seeking barks มักเกิดกับลูกหมาเด็กที่ต้องการ การดูแล เรียกร้องความนใจ เราต้องใจแข็ง ทำเป็นไม่สนใจอย่างหนัก ถือเป็นการฝึกไม่ให้เกิดพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ในอนาคต เพราะถ้าติดเป็นนิสัยถึงตอนโตแล้ว ก็จกยากกับการแก้ไข

หลักการสำคัญในการควบคุมการเห่าที่ไม่พึงประสงค์

         ถ้าจะสามารถควบคุมการเห่าได้ สุนัขต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของก่อน ถ้าเราสั่งไม่ได้ก็จะทำให้การฝกเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่วนมากเลยที่เจ้าของจะพูดสั่งเจ้าตูบไม่ให้เห่าคือ ไม่ ไม่ ไม่ จะยิ่งทำให้สุนัขคิดว่าเราอยากเห่าด้วย อยากเล่นกับเค้า หรือบอกว่าคุณชอบที่จะเล้นกับเค้า เค้าก็ยิ่งเห่า เราต้องเลือคำสั่งเพียงหนึ่งคำ เช่น หยุด หรือ พอ แล้วใช้คำนั้นตลอด ด้วยเสียงแบบเดิม และให้ทุกคนในบ้านทำเหมือนกัน แต่การสอนเจ้าตูบนั้น ต้องใช้ความอดทนเป็นที่ตั้ง และต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้รางวัลเมื่อสุนัขทำตาม ซึ่งจะดีกว่าการลงโทษ ยิ่งทำให้สุนัขกลัว และรู้สึกฝืนและต่อต้าน

          นอกจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของุนัขแล้ว ปัจจุบันนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็น ปลอกคอกันเห่าของสุนัขมีมาให้เลือกซื้อเลือกหากันอีกด้วย แต่การใช้ปลอกคอกันเห่าเป็นประจำอาจทำให้สุนัขเห่ามากขึ้น จึงควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

          ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ การตัดกล่องเสียง สัตวแพทย์หลาย ๆ ท่านไมนิยมใช้วิธีการนี้ เนื่องจากบางรายไม่ได้ผล รายที่ได้ผล สุนัขจะเห่าเสียงแหบ ๆ วิธีกานนี้เป็นวิธีการที่นักพฤติกรรมสัตว์ยังสงสัยถึงผลที่ได้รับอยู่ เนื่องจากสาเหตุการเห่ามีมากมาย การรักษาจึงต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุ ถ้ายังไม่ได้รับการแก้ไข ทางที่ดีเจ้าของสุนัขควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้สุนัขเห่า

          สำหรับท่านที่กำลังประสบปัญหาเจ้าตูบของคุณเห่ามากกว่าปกติก็ลองนำวิธีการต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นไปลองทำดูนะครับ เชื่อแน่ว่าปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่ต้องทเลาเบาบางลงไปแน่นอน

ข้อควรจำสำหรับคนที่รักและเลี้ยงสุนัข

      ในกรณีของผู้เลี้ยงที่ต้องออกไปทำงาน ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ให้สุนัข สำคัญที่สุด คือ น้ำสะอาดสำหรับสุนัข ห้ามเด็ดขาดที่จะทิ้งอาหารไว้ให้สุนัขรับประทานทั้งวัน เพราะสุนัขไม่ได้ออกกำลังกาย ดังนั้น จึงเป็นการสะสมพลังงานและไขมัน ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ และ
พฤติกรรมไม่ดีต่าง ๆ ได้ง่าย

            ของเล่นของสุนัข ไม่ควรทิ้งไว้ให้เล่นเยอะเกินไปและไม่ควรมีเสียงดัง เพราะเสียงของเล่นจะทำให้สุนัขเมามันมากเกินไป อันที่จริง
สุนัขจะแทนของเล่นว่าเป็นเหยื่อ เมื่อสุนัขกัดของเล่นและสะบัดจะยิ่งเพิ่มความคึกคะนองทางอารมณ์อย่างมาก ซึ่งถ้าปล่อยให้เล่นมาก ๆ
ก็จะทำให้สุนัขเข้าสู่ความลุ่มหลง และเมื่อถูกแย่งของออกจากปาก อาจจะทำให้สุนัขเกิดความหวงเหยื่อ และเกิดความก้าวร้าวได้

วิธีเอาของออกจากปากสุนัขที่ดีที่สุด คือ หาของอย่างอื่น หรือขนมมาแลกเปลี่ยนกับของในปากแทนจะเป็นการเบนความสนใจของสุนัขได้

สิ่งของสำหรับน้องหมาตัวใหม่

            สำหรับผู้ที่จะนำสุนัขตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงนั้น เราจะต้องเตรียมข้าวของของเค้าให้เรียบร้อย คือเมื่อนำสุนัขมาก็พร้อมจะใช้ได้ทันที ใครว่าสิ่งของสุนัขไม่สำคัญ ในความเป็นจริงแล้ว อุปกรณ์ เครื่องใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงนั้นจำเป็นมาก เค้าควรจะมีของใช้ส่วนตัว ไม่ปะปนกับคนหรือสัตว์ตัวอื่นๆ มาดูกันดีกว่าว่าของใช้ที่จำเป็นสำหรับน้องหมานั้นมี อะไรบ้าง

               1. เชือกจูง ปลอกขอพร้อมสลักชื่อ ที่อยู่ของสุนัข หรือเป็นป้ายชื่อก็ได้ ในต่างประเทศนั้นพบว่าเจ้าตูบไม่สามารถจะกลับบ้านได้ เมื่อพลัดห ลงกับเจ้าของ เพราะไม่มีปลอกคอนี่เอง และประโยชน์สำคัญของการมีเชือกจูงก็คือ ทำให้เค้าปลอดภัยจากรถราบนท้องถนน เมื่อเราได้ผูกเชือกจูงเอาไว้ให้ เค้าก็ไม่สามารถจะลงไปกระโดดโลดเต้นบนถนนได้ บางคนอาจคิดว่าเป็นการจำกัดสิทธิของสุนัขมากเกินไป แต่แท้จริงแล้วควรจะมีต่างหาก และต้องหัดให้ชินเสียตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขด้วย เลือกปลอกคอหรือเชือกจูงที่นุ่ม ใส่สบาย ราคาไม่ต้องแพงมาก็ได้ มาให้เค้าตั้งแต่วันนี้เลยนะจ๊ะ

               2. ภาชนะใส่อาหารและน้ำ อันนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เจ้าตูบรู้จักว่าควร จะกินอาหาร ได้ตรงไหน ควรเลือกที่เป็นพลาสติกแข็ง ราคาไม่แพง แต่ถ้าจะเอาที่คงทนถาวรจริงๆ ก็ต้องใช้เป็นเซรามิคหรือสแตนเลส แต่อาจจะราคาสูงขึ้นมาอีก หากไม่ต้องการให้สุนัขกัดแทะภาชนะอาหารก็ต้องนำออกมา หลังจากให้ อาหารสุนัขกินแล้วประมาณ 20 นาที

               3. อาหารสำหรับสุนัข หากเราซื้อสุนัขมาจากผู้เพาะพันธุ์ก็ควรจะใช้ยี่ห้อเ ดียวกัน แต่หากต้องการจะเปลี่ยน ห้ามเปลี่ยนในทันที ควรจะให้ครบ 10 วันถึง 2 อาทิตย์ไปแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาในเรื่องการย่อยอาหาร การเลือกอาหารนั้นควรจะเลือกที่มีคุณค่าสารอาหารครบถ ้วน อย่าเลือกแต่ว่าราคาถูกอย่างเดียว

               4. ของเล่น อันนี้เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าของเล่นจะช่วยฝึกทักษะของสุนัขในหลายด ้าน ทั้งยังช่วยแก้เหงาไปในตัวด้วย เราควรจะเลือกของเล่นที่มีความนุ่มพอ ไม่แข็งจนเกินไป จะต้องเลือกของเล่นที่แน่ใจว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุนั ขในเวลาที่ เจ้าของไม่อยู่บ้าน มีบางคนแนะนำว่าของเล่นจำพวกเชือกก็ดี เราควรจะนำเชือกชุบน้ำให้เปียกแล้วแช่แข็ง จะช่วยขัดฟัน ขัดหินปูนให้สุนัข

               5. รางวัล การให้รางวัลเมื่อสุนัขทำตามคำสั่งในขณะฝึกอยู่นั้น จะช่วยให้สุนัขมีกำลังใจและเชื่อว่าถ้าเค้าทำเช่นนี้ จะได้รางวั ล เป็นการดีเพราะจะฝึกได้ง่ายขึ้น รางวัลที่ให้อาจเป็นขนมหรือแท่งหนังสำหรับกัดเล่น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะคำนึงถึงอายุของสุนัขด้วยว่าเ หมาะสมกับร างวัลประเภทใด

               6. โลชั่นหรือสเปรย์ป้องกันการกัดแทะของสุนัข โลชั่นหรือสเปรย์ชนิดนี่มีไว้สำหรับป้องกันไม่ให้สุนัขไปกัดสิ่ งของที่ไม่ต้องการให้กัด จะมีรสขม เมื่อสุนัขไปกัดและพบว่าไม่อร่อยก็จะเลิกกัดไปเอง

               7. ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นและรอยเปื้อนบนพื้นบ้านหรือพรม สิ่งนี้จะช่วนให้เจ้าของหมดปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงปร ะสงค์จากมู ลของสุนัข
               8. ประตูสำหรับสุนัข หากเราอยากให้สุนัขเป็นอิสระ เข้าออกบ้านได้ตามต้องการ ก็ควรจะทำประตูเอาไว้ให้เค้าด้วย แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

                9. อุปกรณ์ทำความสะอาดและตัดแต่งขนสุนัข เลือกแชมพูให้เหมาะสมกับอายุ สีขน สภาพผิวหนัง และสภาพขนของสุนัข รวมทั้งการหัดแปรงฟัน หัดหวีขนให้ สิ่งเหล่านี้ควรทำตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข





1 ความคิดเห็น:

  1. ก่อนเลี้ยงลูกหมาควรเตรียมความพร้อมให้ดี เพราะว่าในช่วงนี้ลูกสุนัขป่วยง่าย ต้องอาศัยการดูแลและเอาใจใส่ค่อนข้างมาก

    ตอบลบ